พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เข้าสู่ระบบ
หน้าแรก
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ค้นหาข้อมูล
เข้าสู่ระบบ
พระร่วงฤทธิโรจน...
พระร่วงฤทธิโรจน์พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อเล็ก วัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ จังหวัดกาญจนบุรี ปี 2519 เนื้อดินเทวดา
พระร่วงฤทธิโรจน์พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อเล็ก วัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ จังหวัดกาญจนบุรี ปี 2519 เนื้อดินเทวดา ไม่ผ่านกาใช้งาน สวยมากๆ สร้างน้อย และน้อยคนนักที่จะรู้จักพุทธคุณของพระเครื่องชุดนี้
วัตถุมงคลชุดพิธีมหาเทวาประสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๑๙ ของดีที่สุดของหลวงพ่อเล็กและอีกชุดวัตถุมงคลคู่ควรบูชา
หลวงพ่อเล็กกล่าวให้กับลูกศิษย์ที่ถามว่าพระร่วงโรจน์ปางประทานพร นี้มีพุทธคุณทางใดครับ หลวงพ่อเล็ก ตอบกับลูกศิษย์คนที่ถามไปว่าใช้อธิษฐานขอพรให้สมปรารถนา เช่น ขอเงินทอง ขอทรัพย์สมบัติ ขอกิจการให้เจริญรุ่งเรือง ขอเรื่องความรักให้สมหวัง ขอให้มีเสน่ห์เมตตามหานิยม นอกจากนี้ช่วยปัดเป่าแก้สิ่งไม่ดีต่างๆไม่ให้เข้ามาในชีวิต ป้องกันพวกภูตผี ปิศาจ วิญญาณ ขอให้หายจากโรคที่เป็นอยู่ หรือขอให้โรคทุเลาเบาบางลง ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย คุ้มครองต่างๆ ด้วยอานุภาพพระร่วงฤทธิโรจน์ปางประทานพรมีอานุภาพมาก ในการขอพร ลองเอาไปบูชาห้อยคอแล้วแล้วจะรู้เองว่าดี สุดยอดพุทธคุณระดับพระเครื่องหลักแสนหลังล้าน ที่หลวงพ่อเล็กท่านได้สร้างไว้ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
วัตถุมงคลชุดพิธีมหาเทวาประสิทธิ์ ในปี ๒๕๑๙ นั้นจัดทำขึ้นเพื่อหาปัจจัยมาบูรณะวัดและโบสถ์ หลวงพ่อเล็กท่านจึงได้ดำริที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมารุ่นหนึ่ง ตั้งใจจะให้เป็นของดีเป็นของวิเศษ ท่านจึงได้เดินทางไปเอาของศักดิ์สิทธิ์จากถ้ำละว้าอาถรรพ์ที่ไม่มีผู้ใดเข้าไปได้ ขนาดพระบางรูปมีวิชาอาคมแก่กล้าเข้าไปไม่ถึงชั่วโมง ถ้าไม่วิ่งออกมาก็มรณะในถ้ำนั้น
ท่านเล่าว่าในถ้ำนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมายทั้งกษัตริย์ เทพเทวดาชั้นต่างๆ จนชั้นสูงสุดที่สถิตในถ้ำละว้า เพื่อปกป้องรักษาของวิเศษที่เป็นก้อนขาวๆ ขนาดใหญ่อยู่บนถ้ำที่มีเทพที่เป็นยักษ์มีฤทธิ์มากเฝ้ารักษาอยู่ การที่จะได้มาซึ่งของวิเศษดังกล่าวจึงจำต้องต้องต่อสู้กับเขาให้ชนะ
ซึ่งหลวงพ่อเล็กท่านได้เล่าถึงในการต่อสู้กับยักษ์ที่เป็นเทพ สู้ยังไงก็ไม่ชนะจนเกือบจะโดนกระบองยักษ์ทุบมรณะคาถ้ำละว้า ท่านจึงตั้งจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้าขอถวายชีวิตอุทิศให้กับพระพุทธศาสนา แม้จะต้องละสังขารที่ถ้ำละว้านี้ก็ตาม ก็ปรากฏดวงแก้ว ๗ สีห้อมล้อมรอบตัวท่านเป็นกำแพงแก้ว มีแสงรัศมีเจิดจ้าจนแสบตา ทำให้ยักษ์ที่เป็นเทพหยุดชะงักใช้มือป้องแสงรัศมีเอาไว้จนไม่สามารถทนแสงได้ จึงขอยอมแพ้และมอบผงแร่วิเศษให้หลวงพ่อเล็กนำออกมาจากถ้ำละว้าได้สำเร็จ
ข่าวที่หลวงพ่อเล็กได้ของวิเศษมาจากถ้ำละว้าล่วงรู้ไปถึงหูผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งเข้า เกิดความละโมบอยากได้จึงพาลูกสมุนบริวารมาประมาณ ๑๐๐ คน มาขนเอาของวิเศษดังกล่าวไปจนหวิดเกิดปะทะกับชาวบ้านที่ทราบข่าวแล้วรุดมาช่วยวัด แต่หลวงพ่อเล็กบอกชาวบ้านว่าให้เขาขนเอาไปเถิด เดี่ยวพรุ่งนี้เขาก็ขนมาคืนเอง ชาวบ้านฟังแล้วก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่ปรากฏว่าเช้าวันรุ่งขึ้นผู้มีอิทธิพลก็ขนแร่วิเศษจากถ้ำละว้ามาคืนที่วัด และกราบขอขมาลาโทษที่ล่วงเกินท่าน เขาเล่าว่าตอนกลางคืนฝันเห็นคนมาไล่ฆ่า เห็นยักษ์ตาแดงกล่ำมาบีบคอบอกว่าถ้าไม่เอาไปคืนเอ็งตายแน่ จึงรีบเอามาคืนหลวงพ่อเล็ก
หลวงพ่อเล็กได้จัดพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวถึงเจตนาการนำของวิเศษมาเป็นมวลสารสร้างวัตถุมงคลเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา และได้ทุบก้อนวิเศษให้ได้ ผงแร่วิเศษ เพื่อนำมาผสมกับผงวิเศษที่หลวงพ่อเล็กจะทำขึ้นจากวิชามหาเวทย์ที่ได้ศึกษามากับครูบาอาจารย์หลายท่าน
วิธีทำผงวิเศษ ของหลวงพ่อเล็กนั้น ท่านได้เรียกสูตรยันต์แต่ละยันต์ร่วมกับบริกรรมพระคาถา และใช้พลังธาตุ ๔ กสิณ ๑ ใน ๑๐ เพ่งลงไปในยันต์ ยันต์บางอย่างอาจจะเพ่งกสิณ ๑-๒ กสิณ สำหรับยันต์ใหญ่บางครั้งต้องเพ่ง ๑๐ กสิณ ที่ท่านได้เพียรเขียนลบถมอักขระขอมเลขยันต์พระคาถาลงบนกระดานชนวน ท่านทำผงวิเศษทุกวันเป็นเวลา ๑ ปี ซึ่งยันต์ คาถา อักขระขอม ที่ได้มาลบถมมีดังนี้
๑ สูตรยันต์ นะ ๑๐๘ ซึ่งเป็นสุดยอดของการเรียกสูตร คาถาอิติปิโสรัตนมาลา ในการเขียนนะอักขระ จำเป็นจะต้องเขียนขึ้นจากสูตรปถมังพินธุแล้วลง ยันต์นะ ๑๐๘ ตามตำรับการสร้างพระกริ่งวัดสุทัศน์ฯ
๒. วิชาปถมัง ๑๔ นะ สายวัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่ได้รับการถ่ายจาก พระสมุห์กลับ แสงเขียว ศิษย์เอกมือขวา หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยเรียกสูตรยันต์ ได้แก่ ๑.ยันต์นะครอบจักรวาล ๒.ยันต์นะนาคบาศ ๓.ยันต์นะบังเมฆา ๔.ยันต์นะกำจัด ๕.ยันต์นะกำจาย ๖.ยันต์นะทน ๗.ยันต์ นะ บริชาทุกทิศ ๘.ยันต์นะบังไตรภพ ๙.ยันต์นะบังสมุด ๑๐.ยันต์นะปิด ๑๑.ยันต์นะปิดอากาศ ๑๒.ยันต์นะล้อม ๑๓.ยันต์วะชิราวุธ และ ๑๔.ยันต์นะสะท้านดินไหว
๓. ยันต์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ยันต์มหาราช ยันต์พิชัยสงคราม ยันต์พิชัยยุทธ ยันต์หนุมานใหญ่ ๙ ตัว ยันต์เมตตามหานิยม ยันต์มหาเสน่ห์ ยันต์นะเศรษฐี หัวใจเศรษฐี ยันต์นะเงินนะเศรษฐี ยันต์นะมหาสำเร็จ ยันต์นะหน้าทองมหาเสน่ห์ ยันต์เกราะเพชร ยันต์ท้าวเวสุวรรณ ยันต์พระสิวลี ยันต์มหาปราบ ยันต์มหาระงับ ยันต์หัวใจพระยาเต่าเรือน ยันต์อิติปิโส ๕๖ ยันต์อำนาจพญาครุฑ ยันต์ดาวดาษฟ้า ยันต์ตาข่ายเพชร ยันต์มหาโปรยมหาปราย ยันต์นะพินธุ หรือ นะปฐมกัลป์ หรือ นะโมพุทธายะใหญ่ ยันต์พุทธม้วนโลก ยันต์เพชรหลีกน้อย ยันต์ธาตุ ๔ โดยใช้พลังจิต กสิณธาตุทั้ง ๔ มี ดิน น้ำ ไฟ ลม
๔. จากนั้นท่านก็ได้บรรจุวิชาธรรมกาย ที่ท่านได้ไปเรียนมาจาก ลพ.สด วัดปากน้ำ และ ขอต่อวิชากับหลวงพ่อแบน วัดนางโน ลงไปในผงทั้งหมดเพื่อเพิ่มอิทธิคุณบุญฤทธิ์
เมื่อหลวงพ่อเล็กทำผงวิเศษเสร็จแล้ว ท่านได้นำผงแร่วิเศษจากถ้ำละว้ามากดพิมพ์พระ และนำมาผสมปลุกเสกเดี่ยว ๑ ไตรมาส ก่อนนำมาปลุกเสกพิธีอย่างเป็นทางการในปี ๒๕๑๙
สำหรับพิธีปลุกเสกอย่างเป็นทางการนั้น สมเด็จพระวันรัตน์ (สมบูรณ์) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร มาเป็นประธานในพิธีปลุกเสก และมีพระเกจิอาจารย์มาร่วมปลุกเสกได้แก่ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง หลวงพ่อนารถ นาคเสโน วัดศรีโลหะราษฏร์บำรุง หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม หลวงพ่อมหาโพธิ วัดคลองมอญ หลวงพ่อสุด วัดกาหลง หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร วัดเวฬุวนาราม หลวงพ่อเล็ก วัดสันติคีรี เป็นพิธีเล็กๆ เรียบง่าย แต่เกจิอาจารย์ที่มาล้วนแต่เป็นผู้ทรงวิทยาคุณ สำเร็จญาณ ๔ มีอภิญญา ๖ กันทุกรูป
พระอาจารย์เล็กท่านเป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากอีกท่านหนึ่งของสายจังหวัดกาญจนบุรี ลูกศิษย์ลูกหาท่านมากมายทั่วประเทศ ลูกศิษย์ท่านส่วนใหญ่จึงเป็นตำรวจและทหาร พระอาจารย์เล็กเป็นพระเกจิที่ปฏิบัติเคร่ง ท่านเป็นพระที่ไฝ่รู้จึงได้เดินทางไปเล่าเรียนวิชากับพระเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายท่าน อาธิเช่น 1. หลวงพ่อพระครูสมุห์กลับ แสงเขียว ซึ่งเป็นฐานานุกรมของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และได้ตำราวิชาของหลวงปู่ศุขมาศึกษาจนเชี่ยวชาญ เมื่อเรียนจนสำเร็จท่านจึงได้นำตำราไปคืนให้วัดปากครองมะขามเฒ่าในเวลาต่อมา 2. หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ อยุธยา ศิษย์ของ หลวงพ่อกลั่น และเป็นผู้สร้างเหรียญหลวงพ่อกลั่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายๆรุ่น 3. อาจารย์ทองดี วัดท่าเกวียน นนทบุรี เป็นพระเกจิที่ชาวนนทบุรีให้ความนับถือเป็นอย่างมาก 4. หลวงพ่อเจียง วัดเจริญสุขาราม พระเกจิผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งดินแดนลุ่มน้ำแม่กลอง 5.หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ กทม ท่านได้เดินทางไปเรียนพร้อมกับสหะธรรมมิกคือ หลวงพ่อแบน วัดนางโน กาญจนบุรี เรียนทางด้านวิปัสนากรรมฐาน และพระเกจิอีกหลายท่าน พุทธคุณเหนือคำบรรณยาย ครอบจักรวาล ส่วนใหญ่จะเด่นมากด้าน มหาอำนาจเสริมบารมี แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี กันภยันตราย กันภูตผีปีศาจ กันคุณไสย์คุณคน เป็นเลิศ และอธิฐานขอพรจากหลวงพ่อพระร่วงฤทธิโรจน์ ท่านจะประทานพรให้ดัง
หลวงพ่อเล็ก วัดเขาดิน หรือ พระครูภาวนาวกิจ (เปรมสีโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ กาญจนบุรี ท่านเกิดเมื่อวันที ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ แต่ไม่ปรากฏชื่อโยมบิดาและโยมมารดาของท่านว่าชื่ออะไร หลวงพ่อท่านเป็นพระเกจิยุคหลังปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ที่โด่งดังของเมืองกาญจนบุรีอีกรูปหนึ่ง
ปี พ.ศ. ๒๔๘๖ เมื่อหลวงพ่อเล็กมีอายุได้ ๑๔ ปี ซึ่งขณะนั้นอยู่ในช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทำให้ครอบครัวของท่านต้องลำบาก หลวงพ่อต้องลาออกจากโรงเรียนมาช่วยพ่อแม่ทำงานอยู่ระยะหนึ่ง
ครั้นปี พ.ศ. ๒๔๘๙ หลวงพ่อมีอายุได้ ๑๗ ปี ท่านได้ออกจากบ้านไปฝึกช่างเชื่อมโลหะที่กรุงเทพฯ เป็นอยู่ได้ประมาณ ๑ ปีเศษ และได้มีโอกาสเป็นครูช่างฝึกสอนนักเรียนโรงเรียนการช่างที่ กรุงเทพฯ
ในระหว่างที่ประกอบอาชีพเป็นครูช่างอยู่นั้นท่านได้สนใจศึกษาพุทธศาสนาทางไสยศาสตร์ควบคู่กันไป โดยอาจารย์คนแรกของท่านเป็นฆราวาสชื่อว่าอาจารย์ทองสุก ไม่ทราบนามสกุล เป็นคนบ้านกล้วย จังหวัดราชบุรี
อาจารย์ทองสุก เป็นทหารสนิทของเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ และเคยติดตามกรมหลวงไปวัดปากคลองมะขามเฒ่า วิชาที่อาจารย์ทองสุกเชี่ยวชาญคือวิชาจับผีไล่ผี
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ท่านมีอายุครบ ๒๑ ปี ท่านต้องเข้ารับราชการทหาร ครั้นเมื่อท่านจับได้ใบดำ ไม่ต้องเป็นทหาร ท่านจึงเอาเวลามุ่งไปทางไสยเวทย์ที่ท่านสนใจอยู่ ท่านได้พยายามสืบเสาะหาพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเพื่อน้อมนำเป็นลูกศิษย์ศึกษาพระเวทย์ตามความคิดและความต้องการของท่าน
ทำให้ท่านได้พบกับพระอาจารย์ชื่อดังแห่งยุค สมญานามว่า ผู้ชนะสิบทิศ คือพระอาจารย์ทองดี อุชัยอังกุโร แห่งวัดท่าเกวียน อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
หลวงพ่อเล็กได้กราบและขอบวชเป็นศิษย์ท่าน เพื่อขอเล่าเรียนวิชาอาคมกับท่าน โดยพระอาจารย์ทองดี นั้นได้รับสมญานามว่าผู้ชนะสิบทิศ เพราะว่า มีอยู่คราวหนึ่งที่วัดชนะสงครามฯ ได้จัดให้มีการแข่งขันพระเกจิอาจารย์ ๑๐๘ รูปซึ่ง ๑ ใน ๑๐๘ รูป นั้นก็มีพระอาจารย์ทองดีรวมอยู่ด้วย การคัดเลือกได้เป็นไปทีละขั้นตอนจนกระทั่งในที่สุดการคัดเลือกก็มาถึงช่วงสุดท้าย ซึ่งมีพระเกจิอาจารย์เข้ารอบเพียง ๘ รูปเท่านั้น
หลวงพ่อเล็กเล่าให้ฟังว่า เท่าที่จำได้ก็มีหลวงพ่อจง หลวงพ่อจัด หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง และพระอาจารย์ทองดีซึ่งหนุ่มที่สุด หลวงพ่อแช่มท่านอาวุโสกว่าเพื่อนเป็นองค์นั่งบริกรรมแข่งขันกันว่าใครจะมีอำนาจพลังจิตสูงสุด ท่านได้นำเหล็กจารมาบริกรรมคาถาโดยให้พระเกจิอาจารย์ที่เหลือนั่งล้อมวง เมื่อบริกรรมเสร็จท่านก็เอาเหล็กจารวางบนพื้นแล้วตบลงไป เหล็กจารกลับกลายเป็นจิ้งเหลนในทันที จิ้งเหลนจากเหล็กจารของหลวงพ่อแช่มวิ่งวนไปรอบๆ พระเกจิที่นั่งล้อมรอบ
ในรอบแรกผ่านไปไม่มีใครจับได้ แต่พอรอบสองหลวงพ่อจัดจับไว้ได้แต่ยังเป็นจิ้งเหลนอยู่ไม่กลับเป็นเหล็กจารอันเป็นต้นกำเนิด จึงปล่อยจิ้งเหลนให้วิ่งวนไปตามเดิมแต่ก็ไม่มีใครสามารถจับได้หลวงพ่อแช่มจึงบอกให้พระอาจารย์ทองดีลองจับดูซึ่งพระอาจารย์ทองดี นั่งเงียบมาตลอดเพราะมีอาวุโสน้อยกว่าเพื่อน พระอาจารย์ทองดีจึงจับจิ้งเหลนตามคำสั่ง หลวงพ่อแช่ม ปรากฏว่าจับได้และที่มหัศจรรย์คือจิ้งเหลนเสกหลวงพ่อแช่มกลับกลายเป็นเหล็กจารตามสภาพเดิมทันที
คณะกรรมการจึงตัดสินให้พระอาจารย์ทองดีเป็นผู้ชนะในการแข่งขันและได้รับสมญานามว่า ผู้ชนะสิบทิศ หลวงพ่อเล็กได้ศึกษาวิชากับ พระอาจารย์ทองดีในฐานะทายาทพุทธาคม เมื่อพระอาจารย์ทองดี มรณภาพ ก็ได้มอบตำราคาถาอาคมต่างๆ ให้กับหลวงพ่อเล็ก ซึ่งท่านรักและเมตตาเพื่อให้เป็นทายาทสืบแทนท่านต่อไป
วิชาอาคมที่หลวงพ่อเล็กได้ร่ำเรียนมาจากพระอาจารย์ทองดีนั้นเป็นวิชาที่ลึกลับและศึกษายากมาก เช่น วิชาตะกรุดใต้น้ำ หนุมานห้ามทัพ หนุมานงำเมือง หนุมานสะกดทัพ หลวงพ่อเล็กสามารถรับการถ่ายทอดได้เป็นอย่างดี
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ หลวงพ่อเล็กได้ออกธุดงค์มาจำพรรษา ณ วัดพระญาติการาม อยุธยา และได้ศึกษาคาถาอาคมกับพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอีก ๒ รูป ได้แก่ หลวงพ่ออั้น ศิษย์หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงพ่ออั้นได้ถ่านทอดวิชามหาราช ลบถม และสอนการฝึกกรรมฐาน ส่วนพระรูปที่สองคือ หลวงพ่อเภา ผู้ได้รับสมญานามว่า อาจารย์หินทุ่ม ท่านได้สอนวิชามหาชาตรี ให้
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านธุดงค์ผ่านมาที่สุพรรณบุรี และได้มาศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่ออ่อน ญาตุโน ผู้เชี่ยวชาญด้าน สมถกัมมัฏฐาน ตำรายา และโดยเฉพาะการหยั่งรู้อนาคต จนเชี่ยวชาญแตกฉานแล้วท่านจึงออกธุดงค์ต่อไปอีก
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ท่านได้เดินทางเข้าสู่เขตจังหวัดนครสวรรค์ และได้ไปขอศึกษาวิชากับหลวงพ่อทูล คือวิชาแต่งคน ซึ่งเป็นวิชาเสกอาคมคุ้มครองให้ปลอดภัยจากศัตรู วิชาทำเขต เป็นวิชาเกี่ยวกับการสร้างเขตคุ้มครอง เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ไม่ให้รบกวนและวิชาเมตตามหานิยม
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้ธุดงค์เข้าสู่เขตจังหวัดชัยนาท เพื่อติดตามวิชาวัดปากคลองมะขามเฒ่า เมื่อท่านไปถึงได้พบกับศิษย์ของหลวงปู่ศุข ชื่อพระสมุห์กลับ แสงเขียว ท่านผู้นี้อยู่กับหลวงปู่ศุข มาตลอด และเป็นผู้ใกล้ชิดที่สุดตำราจึงตกอยู่กับพระสมุห์กลับมากมาย
หลวงพ่อเล็กจึงขอเรียนวิชาอาคมต่างๆ ตลอดตำราพิชัยสงคราม ตำราพิชัยยุทธ ซึ่งเป็นวิชาวิชาหลักในการศึกษาไสยศาสตร์ พระสมุห์กลับ ท่านมีความสามารถมาก ตามประวัติท่านนั้นเล่ากันว่าสามารถแปลงตัวเป็นหมูป่าไปตามสถานที่ต่างๆ ได้และท่านก็ได้สอนวิชาสำคัญต่างๆ ให้กับหลวงพ่อเล็กเป็นอย่างดี
หลังจากได้ศึกษาวิชาจนเชี่ยวชาญแตกฉานหลวงพ่อเล็กก็ธุดงค์มายังจังหวัดกาญจนบุรี และเริ่มสร้างกระท่อมร้างกลางป่าช้า และลองไสยศาสตร์ต่างๆ เช่นการผูกหุ่นพยนต์ การปลุกผีในป่าช้า ฯลฯ
ใน ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ซึ่งช่วงนั้นทางวัดเขาดิน ได้รับการจัดตั้งเป็นวัดขึ้น และยังว่างเว้นตำแหน่งเจ้าอาวาส ชาวบ้านและคณะกรรมการวัดจึงสืบเสาะหาจนมาพบหลวงพ่อเล็ก ซึ่งเป็นพระที่น่าเลื่อมใส จึงได้นิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดเพื่อปกครองวัดเขาดินต่อไป
วัดสันติคิรีศรีบรมธาตุ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า "วัดเขาดิน" ตั้งอยู่บริเวณถนนแสงชูโต ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ ๑๑๘ – ๑๑๙ หมู่ ๔ ตำบลท่าล้อ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นที่ดินที่กองทัพบกยกให้ ณ หมู่บ้านเขาดิน ตรงข้ามศูนย์การฝึกของกรมการขนส่งทางบก วัดนี้เดิมเรียกกันว่า "วัดเขาดิน" ตามสภาพภูมิประเทศที่ตั้งของวัดเป็นภูเขาดินสูง ๑๑ วา
วัดสันติคิรีศรีบรมธาตุเป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๔ เริ่มแรกเป็นเพียงสำนักสงฆ์ เมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๔๙๘ อดีตสมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณศิริ) ขณะดำรงสมณศักดิ์ พระธรรมดิลก ได้รับวัดนี้อยู่ในความอุปถัมภ์และได้ขนานนามให้วัดใหม่มีชื่อปรากฎตามหลักฐานว่า "วัดสันติคิรี"
เมื่อหลวงพ่อเล็ก ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาดิน ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ จนวัดได้เจริญขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ท่านยังได้อบรมชาวบ้านเขาดินให้อยู่ในศีลในธรรม
จนในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ร.อ.ทวี ทิวแก้ว แห่งอาศรมชีประขาว และคณะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระสาวกธาตุจำนวนมากมาบรรจุ ณ พระปรางค์พระบรมธาตุเจดีย์ หลวงพ่อเล็ก จึงก็ได้เปลี่ยนนามวัดให้ใหม่อีกวาระหนึ่ง ตามลิขิตซึ่งมีคณะกรรมการบริหารวัดข้อความว่า "....เมื่อปรากฎว่าวัดสินติคิรีนี้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุด้วย ก็ควรให้ปรากฏเป็นเกียรติวัด ฉะนั้นในการตั้งชื่อวัดควรว่า วัดสันติคิรีศรีบรมธาตุ เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙"
ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ หลวงพ่อเล็กและคณะกรรมการวัดได้ร่วมกันขอพระราชทานวิสุงคามสีมาวัดเขาดิน จนมีพระบรมราชโอการลงวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๒
ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ทางวัดได้สร้างพระอุโบสถจนสำเร็จลุล่วง โดยทางวัดได้รวบรวมเงินบริจาคและเงินทำบุญและด้วยบารมีของหลวงพ่อเล็ก ทำให้งานลุล่วงไปได้โดยง่าย จนสามารถประกอบพิธีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิตร เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๔
นากจากนี้ท่านยังได้ส่งเสริมการศึกษาของพระภิกษุสามเณร ท่านมีวิริยะอุตสาหะทำนุบำรุงพัฒนาวัดและสร้างถาวรวัตถุให้กับวัดอย่างมาก ได้ชักชวนผู้มีจิตศรัทธาให้ความอุปการะก่อสร้างอาคารเสนาสนะต่างๆ อาทิเช่น
สร้างศาลาการเปรียญอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นอาคาร ๒ ชั้น ขนาดใหญ่เนื้อที่กว้าง ๒๒ เมตร ยาว ๕๐ เมตร แทนที่หลังเดิมที่มีสภาพชำรุด ทรุดโทรม ไม่สามารถใช้การได้
สร้างพระอุโบสถ วิหารพระร่วง โรงเรียนปริยัติธรรม วิหารพระศรีอาริย์ กุฏิสงฆ์ ปูชนียวัตถุที่สำคัญของวัด
สิ่งสำคัญภายในวัดนอกจากพระบรมสารีริกาธาตุ และสมเด็จพระร่วมฤทธิ์โรจน์ ยังมีรูปหลวงพ่อพระศรีอาริย์ รูปฤาษีบรมโกส รูปหมอชีวกโกมารภัจ รูปหลวงปู่ทวด รูปหลวงปู่พระครูดำ อีกทั้งพระพุทธบาท ๔ รอย จำลองมาจากพระพุทธบาทสี่รอย ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
นอกจากนี้ยังสร้างรูปหลวงปู่ทวด ขนาดใหญ่จำลองจากรูปหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี โดยมีคุณทวี ทิวแก้ว มีศรัทธาสร้างด้วยเงินบริจาคของคณะศิษย์ อาศรมชีประขาว จังหวัดฉะเชิงเทรา
แล้วยังมีเงินเหลือนำมาสร้างพระอุโบสถหลังปัจจุบันพร้อมด้วยบุษบกที่ประดิษฐานรูปหลวงปู่ทวดและพระปรางค์ที่เป็นพระองค์พระบรมธาตุเจดีย์ได้จดทะเบียนมีมูลนิธิ ชื่อว่า "มูลนิธิสมเด็จหลวงปู่ทวด วันสันติคิรีศรีบรมธาตุ" ตั้งขึ้น พ.ศ. ๒๕๑๕ จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านบาท) เป็นเงินที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคนานผูกพัทธสีมาปิดทองลูกนิมิตพระอุโบสถ
หลวงพ่อเล็ก ปกครองวัดเขาดินเรื่อยมาจนมรณภาพอย่างสงบในวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ นับรวมสิริอายุได้ ๘๒ ปี ๖๐ พรรษา.
ผู้เข้าชม
115 ครั้ง
ราคา
4,500
สถานะ
เปิดให้บูชา
โดย
พล ปากน้ำ
ชื่อร้าน
ยังไม่เปิดร้านค้า
ร้านค้า
-
โทรศัพท์
0843200110
ไอดีไลน์
kochalermpol
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน
พญาเต่าเรือนหล่อโบราณ หลวงพ่ออ
เหรียญเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย
เหรียญพระประจำวันอาทิตย์ หลวงป
พระสมเด็จหลังยันต์อุ หลวงพ่อน้
เหรียญเสือหมอบ หลวงพ่อสุด วัดก
พระสมเด็จ 7 ชั้น รุ่นแรก หลวง
พระนางพญาหลวงปู่จันทร์ วัดโฉลก
พระผงพิมพ์นาคปรก หลวงปู่จันทร
เหรียญหลวงพ่อสี่เข่า วัดศาลาคร
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
ลงพระฟรี
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ลืมรหัสผ่าน
ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
jocho
เนินพระ99
ม่อน นครนนท์
บ้านพระสมเด็จ
บ้านพระหลักร้อย
พระคุ้มครอง
NongBoss
kaew กจ.
เจริญสุข
บี บุรีรัมย์
fuchoo18
MeeDee Amulet
hopperman
termboon
nattapol
ยอด วัดโพธิ์
someman
somyong
ว.ศิลป์สยาม
tatingtating
แหลมร่มโพธิ์
Le29Amulet
tumlawyer
ชา วานิช
แจ่ม
Taeypk30
เปียโน
natthanet
ponsrithong2
maymy
ผู้เข้าชมขณะนี้ 1335 คน
เพิ่มข้อมูล
พระร่วงฤทธิโรจน์พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อเล็ก วัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ จังหวัดกาญจนบุรี ปี 2519 เนื้อดินเทวดา
ส่งข้อความ
ชื่อพระเครื่อง
พระร่วงฤทธิโรจน์พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อเล็ก วัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ จังหวัดกาญจนบุรี ปี 2519 เนื้อดินเทวดา
รายละเอียด
พระร่วงฤทธิโรจน์พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อเล็ก วัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ จังหวัดกาญจนบุรี ปี 2519 เนื้อดินเทวดา ไม่ผ่านกาใช้งาน สวยมากๆ สร้างน้อย และน้อยคนนักที่จะรู้จักพุทธคุณของพระเครื่องชุดนี้
วัตถุมงคลชุดพิธีมหาเทวาประสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๑๙ ของดีที่สุดของหลวงพ่อเล็กและอีกชุดวัตถุมงคลคู่ควรบูชา
หลวงพ่อเล็กกล่าวให้กับลูกศิษย์ที่ถามว่าพระร่วงโรจน์ปางประทานพร นี้มีพุทธคุณทางใดครับ หลวงพ่อเล็ก ตอบกับลูกศิษย์คนที่ถามไปว่าใช้อธิษฐานขอพรให้สมปรารถนา เช่น ขอเงินทอง ขอทรัพย์สมบัติ ขอกิจการให้เจริญรุ่งเรือง ขอเรื่องความรักให้สมหวัง ขอให้มีเสน่ห์เมตตามหานิยม นอกจากนี้ช่วยปัดเป่าแก้สิ่งไม่ดีต่างๆไม่ให้เข้ามาในชีวิต ป้องกันพวกภูตผี ปิศาจ วิญญาณ ขอให้หายจากโรคที่เป็นอยู่ หรือขอให้โรคทุเลาเบาบางลง ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย คุ้มครองต่างๆ ด้วยอานุภาพพระร่วงฤทธิโรจน์ปางประทานพรมีอานุภาพมาก ในการขอพร ลองเอาไปบูชาห้อยคอแล้วแล้วจะรู้เองว่าดี สุดยอดพุทธคุณระดับพระเครื่องหลักแสนหลังล้าน ที่หลวงพ่อเล็กท่านได้สร้างไว้ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
วัตถุมงคลชุดพิธีมหาเทวาประสิทธิ์ ในปี ๒๕๑๙ นั้นจัดทำขึ้นเพื่อหาปัจจัยมาบูรณะวัดและโบสถ์ หลวงพ่อเล็กท่านจึงได้ดำริที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมารุ่นหนึ่ง ตั้งใจจะให้เป็นของดีเป็นของวิเศษ ท่านจึงได้เดินทางไปเอาของศักดิ์สิทธิ์จากถ้ำละว้าอาถรรพ์ที่ไม่มีผู้ใดเข้าไปได้ ขนาดพระบางรูปมีวิชาอาคมแก่กล้าเข้าไปไม่ถึงชั่วโมง ถ้าไม่วิ่งออกมาก็มรณะในถ้ำนั้น
ท่านเล่าว่าในถ้ำนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมายทั้งกษัตริย์ เทพเทวดาชั้นต่างๆ จนชั้นสูงสุดที่สถิตในถ้ำละว้า เพื่อปกป้องรักษาของวิเศษที่เป็นก้อนขาวๆ ขนาดใหญ่อยู่บนถ้ำที่มีเทพที่เป็นยักษ์มีฤทธิ์มากเฝ้ารักษาอยู่ การที่จะได้มาซึ่งของวิเศษดังกล่าวจึงจำต้องต้องต่อสู้กับเขาให้ชนะ
ซึ่งหลวงพ่อเล็กท่านได้เล่าถึงในการต่อสู้กับยักษ์ที่เป็นเทพ สู้ยังไงก็ไม่ชนะจนเกือบจะโดนกระบองยักษ์ทุบมรณะคาถ้ำละว้า ท่านจึงตั้งจิตอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้าขอถวายชีวิตอุทิศให้กับพระพุทธศาสนา แม้จะต้องละสังขารที่ถ้ำละว้านี้ก็ตาม ก็ปรากฏดวงแก้ว ๗ สีห้อมล้อมรอบตัวท่านเป็นกำแพงแก้ว มีแสงรัศมีเจิดจ้าจนแสบตา ทำให้ยักษ์ที่เป็นเทพหยุดชะงักใช้มือป้องแสงรัศมีเอาไว้จนไม่สามารถทนแสงได้ จึงขอยอมแพ้และมอบผงแร่วิเศษให้หลวงพ่อเล็กนำออกมาจากถ้ำละว้าได้สำเร็จ
ข่าวที่หลวงพ่อเล็กได้ของวิเศษมาจากถ้ำละว้าล่วงรู้ไปถึงหูผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งเข้า เกิดความละโมบอยากได้จึงพาลูกสมุนบริวารมาประมาณ ๑๐๐ คน มาขนเอาของวิเศษดังกล่าวไปจนหวิดเกิดปะทะกับชาวบ้านที่ทราบข่าวแล้วรุดมาช่วยวัด แต่หลวงพ่อเล็กบอกชาวบ้านว่าให้เขาขนเอาไปเถิด เดี่ยวพรุ่งนี้เขาก็ขนมาคืนเอง ชาวบ้านฟังแล้วก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่ปรากฏว่าเช้าวันรุ่งขึ้นผู้มีอิทธิพลก็ขนแร่วิเศษจากถ้ำละว้ามาคืนที่วัด และกราบขอขมาลาโทษที่ล่วงเกินท่าน เขาเล่าว่าตอนกลางคืนฝันเห็นคนมาไล่ฆ่า เห็นยักษ์ตาแดงกล่ำมาบีบคอบอกว่าถ้าไม่เอาไปคืนเอ็งตายแน่ จึงรีบเอามาคืนหลวงพ่อเล็ก
หลวงพ่อเล็กได้จัดพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวถึงเจตนาการนำของวิเศษมาเป็นมวลสารสร้างวัตถุมงคลเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา และได้ทุบก้อนวิเศษให้ได้ ผงแร่วิเศษ เพื่อนำมาผสมกับผงวิเศษที่หลวงพ่อเล็กจะทำขึ้นจากวิชามหาเวทย์ที่ได้ศึกษามากับครูบาอาจารย์หลายท่าน
วิธีทำผงวิเศษ ของหลวงพ่อเล็กนั้น ท่านได้เรียกสูตรยันต์แต่ละยันต์ร่วมกับบริกรรมพระคาถา และใช้พลังธาตุ ๔ กสิณ ๑ ใน ๑๐ เพ่งลงไปในยันต์ ยันต์บางอย่างอาจจะเพ่งกสิณ ๑-๒ กสิณ สำหรับยันต์ใหญ่บางครั้งต้องเพ่ง ๑๐ กสิณ ที่ท่านได้เพียรเขียนลบถมอักขระขอมเลขยันต์พระคาถาลงบนกระดานชนวน ท่านทำผงวิเศษทุกวันเป็นเวลา ๑ ปี ซึ่งยันต์ คาถา อักขระขอม ที่ได้มาลบถมมีดังนี้
๑ สูตรยันต์ นะ ๑๐๘ ซึ่งเป็นสุดยอดของการเรียกสูตร คาถาอิติปิโสรัตนมาลา ในการเขียนนะอักขระ จำเป็นจะต้องเขียนขึ้นจากสูตรปถมังพินธุแล้วลง ยันต์นะ ๑๐๘ ตามตำรับการสร้างพระกริ่งวัดสุทัศน์ฯ
๒. วิชาปถมัง ๑๔ นะ สายวัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่ได้รับการถ่ายจาก พระสมุห์กลับ แสงเขียว ศิษย์เอกมือขวา หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยเรียกสูตรยันต์ ได้แก่ ๑.ยันต์นะครอบจักรวาล ๒.ยันต์นะนาคบาศ ๓.ยันต์นะบังเมฆา ๔.ยันต์นะกำจัด ๕.ยันต์นะกำจาย ๖.ยันต์นะทน ๗.ยันต์ นะ บริชาทุกทิศ ๘.ยันต์นะบังไตรภพ ๙.ยันต์นะบังสมุด ๑๐.ยันต์นะปิด ๑๑.ยันต์นะปิดอากาศ ๑๒.ยันต์นะล้อม ๑๓.ยันต์วะชิราวุธ และ ๑๔.ยันต์นะสะท้านดินไหว
๓. ยันต์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ยันต์มหาราช ยันต์พิชัยสงคราม ยันต์พิชัยยุทธ ยันต์หนุมานใหญ่ ๙ ตัว ยันต์เมตตามหานิยม ยันต์มหาเสน่ห์ ยันต์นะเศรษฐี หัวใจเศรษฐี ยันต์นะเงินนะเศรษฐี ยันต์นะมหาสำเร็จ ยันต์นะหน้าทองมหาเสน่ห์ ยันต์เกราะเพชร ยันต์ท้าวเวสุวรรณ ยันต์พระสิวลี ยันต์มหาปราบ ยันต์มหาระงับ ยันต์หัวใจพระยาเต่าเรือน ยันต์อิติปิโส ๕๖ ยันต์อำนาจพญาครุฑ ยันต์ดาวดาษฟ้า ยันต์ตาข่ายเพชร ยันต์มหาโปรยมหาปราย ยันต์นะพินธุ หรือ นะปฐมกัลป์ หรือ นะโมพุทธายะใหญ่ ยันต์พุทธม้วนโลก ยันต์เพชรหลีกน้อย ยันต์ธาตุ ๔ โดยใช้พลังจิต กสิณธาตุทั้ง ๔ มี ดิน น้ำ ไฟ ลม
๔. จากนั้นท่านก็ได้บรรจุวิชาธรรมกาย ที่ท่านได้ไปเรียนมาจาก ลพ.สด วัดปากน้ำ และ ขอต่อวิชากับหลวงพ่อแบน วัดนางโน ลงไปในผงทั้งหมดเพื่อเพิ่มอิทธิคุณบุญฤทธิ์
เมื่อหลวงพ่อเล็กทำผงวิเศษเสร็จแล้ว ท่านได้นำผงแร่วิเศษจากถ้ำละว้ามากดพิมพ์พระ และนำมาผสมปลุกเสกเดี่ยว ๑ ไตรมาส ก่อนนำมาปลุกเสกพิธีอย่างเป็นทางการในปี ๒๕๑๙
สำหรับพิธีปลุกเสกอย่างเป็นทางการนั้น สมเด็จพระวันรัตน์ (สมบูรณ์) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร มาเป็นประธานในพิธีปลุกเสก และมีพระเกจิอาจารย์มาร่วมปลุกเสกได้แก่ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง หลวงพ่อนารถ นาคเสโน วัดศรีโลหะราษฏร์บำรุง หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม หลวงพ่อมหาโพธิ วัดคลองมอญ หลวงพ่อสุด วัดกาหลง หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร วัดเวฬุวนาราม หลวงพ่อเล็ก วัดสันติคีรี เป็นพิธีเล็กๆ เรียบง่าย แต่เกจิอาจารย์ที่มาล้วนแต่เป็นผู้ทรงวิทยาคุณ สำเร็จญาณ ๔ มีอภิญญา ๖ กันทุกรูป
พระอาจารย์เล็กท่านเป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากอีกท่านหนึ่งของสายจังหวัดกาญจนบุรี ลูกศิษย์ลูกหาท่านมากมายทั่วประเทศ ลูกศิษย์ท่านส่วนใหญ่จึงเป็นตำรวจและทหาร พระอาจารย์เล็กเป็นพระเกจิที่ปฏิบัติเคร่ง ท่านเป็นพระที่ไฝ่รู้จึงได้เดินทางไปเล่าเรียนวิชากับพระเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายท่าน อาธิเช่น 1. หลวงพ่อพระครูสมุห์กลับ แสงเขียว ซึ่งเป็นฐานานุกรมของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และได้ตำราวิชาของหลวงปู่ศุขมาศึกษาจนเชี่ยวชาญ เมื่อเรียนจนสำเร็จท่านจึงได้นำตำราไปคืนให้วัดปากครองมะขามเฒ่าในเวลาต่อมา 2. หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ อยุธยา ศิษย์ของ หลวงพ่อกลั่น และเป็นผู้สร้างเหรียญหลวงพ่อกลั่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายๆรุ่น 3. อาจารย์ทองดี วัดท่าเกวียน นนทบุรี เป็นพระเกจิที่ชาวนนทบุรีให้ความนับถือเป็นอย่างมาก 4. หลวงพ่อเจียง วัดเจริญสุขาราม พระเกจิผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งดินแดนลุ่มน้ำแม่กลอง 5.หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ กทม ท่านได้เดินทางไปเรียนพร้อมกับสหะธรรมมิกคือ หลวงพ่อแบน วัดนางโน กาญจนบุรี เรียนทางด้านวิปัสนากรรมฐาน และพระเกจิอีกหลายท่าน พุทธคุณเหนือคำบรรณยาย ครอบจักรวาล ส่วนใหญ่จะเด่นมากด้าน มหาอำนาจเสริมบารมี แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี กันภยันตราย กันภูตผีปีศาจ กันคุณไสย์คุณคน เป็นเลิศ และอธิฐานขอพรจากหลวงพ่อพระร่วงฤทธิโรจน์ ท่านจะประทานพรให้ดัง
หลวงพ่อเล็ก วัดเขาดิน หรือ พระครูภาวนาวกิจ (เปรมสีโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ กาญจนบุรี ท่านเกิดเมื่อวันที ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ แต่ไม่ปรากฏชื่อโยมบิดาและโยมมารดาของท่านว่าชื่ออะไร หลวงพ่อท่านเป็นพระเกจิยุคหลังปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ที่โด่งดังของเมืองกาญจนบุรีอีกรูปหนึ่ง
ปี พ.ศ. ๒๔๘๖ เมื่อหลวงพ่อเล็กมีอายุได้ ๑๔ ปี ซึ่งขณะนั้นอยู่ในช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทำให้ครอบครัวของท่านต้องลำบาก หลวงพ่อต้องลาออกจากโรงเรียนมาช่วยพ่อแม่ทำงานอยู่ระยะหนึ่ง
ครั้นปี พ.ศ. ๒๔๘๙ หลวงพ่อมีอายุได้ ๑๗ ปี ท่านได้ออกจากบ้านไปฝึกช่างเชื่อมโลหะที่กรุงเทพฯ เป็นอยู่ได้ประมาณ ๑ ปีเศษ และได้มีโอกาสเป็นครูช่างฝึกสอนนักเรียนโรงเรียนการช่างที่ กรุงเทพฯ
ในระหว่างที่ประกอบอาชีพเป็นครูช่างอยู่นั้นท่านได้สนใจศึกษาพุทธศาสนาทางไสยศาสตร์ควบคู่กันไป โดยอาจารย์คนแรกของท่านเป็นฆราวาสชื่อว่าอาจารย์ทองสุก ไม่ทราบนามสกุล เป็นคนบ้านกล้วย จังหวัดราชบุรี
อาจารย์ทองสุก เป็นทหารสนิทของเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ และเคยติดตามกรมหลวงไปวัดปากคลองมะขามเฒ่า วิชาที่อาจารย์ทองสุกเชี่ยวชาญคือวิชาจับผีไล่ผี
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ท่านมีอายุครบ ๒๑ ปี ท่านต้องเข้ารับราชการทหาร ครั้นเมื่อท่านจับได้ใบดำ ไม่ต้องเป็นทหาร ท่านจึงเอาเวลามุ่งไปทางไสยเวทย์ที่ท่านสนใจอยู่ ท่านได้พยายามสืบเสาะหาพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเพื่อน้อมนำเป็นลูกศิษย์ศึกษาพระเวทย์ตามความคิดและความต้องการของท่าน
ทำให้ท่านได้พบกับพระอาจารย์ชื่อดังแห่งยุค สมญานามว่า ผู้ชนะสิบทิศ คือพระอาจารย์ทองดี อุชัยอังกุโร แห่งวัดท่าเกวียน อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
หลวงพ่อเล็กได้กราบและขอบวชเป็นศิษย์ท่าน เพื่อขอเล่าเรียนวิชาอาคมกับท่าน โดยพระอาจารย์ทองดี นั้นได้รับสมญานามว่าผู้ชนะสิบทิศ เพราะว่า มีอยู่คราวหนึ่งที่วัดชนะสงครามฯ ได้จัดให้มีการแข่งขันพระเกจิอาจารย์ ๑๐๘ รูปซึ่ง ๑ ใน ๑๐๘ รูป นั้นก็มีพระอาจารย์ทองดีรวมอยู่ด้วย การคัดเลือกได้เป็นไปทีละขั้นตอนจนกระทั่งในที่สุดการคัดเลือกก็มาถึงช่วงสุดท้าย ซึ่งมีพระเกจิอาจารย์เข้ารอบเพียง ๘ รูปเท่านั้น
หลวงพ่อเล็กเล่าให้ฟังว่า เท่าที่จำได้ก็มีหลวงพ่อจง หลวงพ่อจัด หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง และพระอาจารย์ทองดีซึ่งหนุ่มที่สุด หลวงพ่อแช่มท่านอาวุโสกว่าเพื่อนเป็นองค์นั่งบริกรรมแข่งขันกันว่าใครจะมีอำนาจพลังจิตสูงสุด ท่านได้นำเหล็กจารมาบริกรรมคาถาโดยให้พระเกจิอาจารย์ที่เหลือนั่งล้อมวง เมื่อบริกรรมเสร็จท่านก็เอาเหล็กจารวางบนพื้นแล้วตบลงไป เหล็กจารกลับกลายเป็นจิ้งเหลนในทันที จิ้งเหลนจากเหล็กจารของหลวงพ่อแช่มวิ่งวนไปรอบๆ พระเกจิที่นั่งล้อมรอบ
ในรอบแรกผ่านไปไม่มีใครจับได้ แต่พอรอบสองหลวงพ่อจัดจับไว้ได้แต่ยังเป็นจิ้งเหลนอยู่ไม่กลับเป็นเหล็กจารอันเป็นต้นกำเนิด จึงปล่อยจิ้งเหลนให้วิ่งวนไปตามเดิมแต่ก็ไม่มีใครสามารถจับได้หลวงพ่อแช่มจึงบอกให้พระอาจารย์ทองดีลองจับดูซึ่งพระอาจารย์ทองดี นั่งเงียบมาตลอดเพราะมีอาวุโสน้อยกว่าเพื่อน พระอาจารย์ทองดีจึงจับจิ้งเหลนตามคำสั่ง หลวงพ่อแช่ม ปรากฏว่าจับได้และที่มหัศจรรย์คือจิ้งเหลนเสกหลวงพ่อแช่มกลับกลายเป็นเหล็กจารตามสภาพเดิมทันที
คณะกรรมการจึงตัดสินให้พระอาจารย์ทองดีเป็นผู้ชนะในการแข่งขันและได้รับสมญานามว่า ผู้ชนะสิบทิศ หลวงพ่อเล็กได้ศึกษาวิชากับ พระอาจารย์ทองดีในฐานะทายาทพุทธาคม เมื่อพระอาจารย์ทองดี มรณภาพ ก็ได้มอบตำราคาถาอาคมต่างๆ ให้กับหลวงพ่อเล็ก ซึ่งท่านรักและเมตตาเพื่อให้เป็นทายาทสืบแทนท่านต่อไป
วิชาอาคมที่หลวงพ่อเล็กได้ร่ำเรียนมาจากพระอาจารย์ทองดีนั้นเป็นวิชาที่ลึกลับและศึกษายากมาก เช่น วิชาตะกรุดใต้น้ำ หนุมานห้ามทัพ หนุมานงำเมือง หนุมานสะกดทัพ หลวงพ่อเล็กสามารถรับการถ่ายทอดได้เป็นอย่างดี
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ หลวงพ่อเล็กได้ออกธุดงค์มาจำพรรษา ณ วัดพระญาติการาม อยุธยา และได้ศึกษาคาถาอาคมกับพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอีก ๒ รูป ได้แก่ หลวงพ่ออั้น ศิษย์หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงพ่ออั้นได้ถ่านทอดวิชามหาราช ลบถม และสอนการฝึกกรรมฐาน ส่วนพระรูปที่สองคือ หลวงพ่อเภา ผู้ได้รับสมญานามว่า อาจารย์หินทุ่ม ท่านได้สอนวิชามหาชาตรี ให้
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านธุดงค์ผ่านมาที่สุพรรณบุรี และได้มาศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่ออ่อน ญาตุโน ผู้เชี่ยวชาญด้าน สมถกัมมัฏฐาน ตำรายา และโดยเฉพาะการหยั่งรู้อนาคต จนเชี่ยวชาญแตกฉานแล้วท่านจึงออกธุดงค์ต่อไปอีก
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ท่านได้เดินทางเข้าสู่เขตจังหวัดนครสวรรค์ และได้ไปขอศึกษาวิชากับหลวงพ่อทูล คือวิชาแต่งคน ซึ่งเป็นวิชาเสกอาคมคุ้มครองให้ปลอดภัยจากศัตรู วิชาทำเขต เป็นวิชาเกี่ยวกับการสร้างเขตคุ้มครอง เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ไม่ให้รบกวนและวิชาเมตตามหานิยม
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้ธุดงค์เข้าสู่เขตจังหวัดชัยนาท เพื่อติดตามวิชาวัดปากคลองมะขามเฒ่า เมื่อท่านไปถึงได้พบกับศิษย์ของหลวงปู่ศุข ชื่อพระสมุห์กลับ แสงเขียว ท่านผู้นี้อยู่กับหลวงปู่ศุข มาตลอด และเป็นผู้ใกล้ชิดที่สุดตำราจึงตกอยู่กับพระสมุห์กลับมากมาย
หลวงพ่อเล็กจึงขอเรียนวิชาอาคมต่างๆ ตลอดตำราพิชัยสงคราม ตำราพิชัยยุทธ ซึ่งเป็นวิชาวิชาหลักในการศึกษาไสยศาสตร์ พระสมุห์กลับ ท่านมีความสามารถมาก ตามประวัติท่านนั้นเล่ากันว่าสามารถแปลงตัวเป็นหมูป่าไปตามสถานที่ต่างๆ ได้และท่านก็ได้สอนวิชาสำคัญต่างๆ ให้กับหลวงพ่อเล็กเป็นอย่างดี
หลังจากได้ศึกษาวิชาจนเชี่ยวชาญแตกฉานหลวงพ่อเล็กก็ธุดงค์มายังจังหวัดกาญจนบุรี และเริ่มสร้างกระท่อมร้างกลางป่าช้า และลองไสยศาสตร์ต่างๆ เช่นการผูกหุ่นพยนต์ การปลุกผีในป่าช้า ฯลฯ
ใน ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ซึ่งช่วงนั้นทางวัดเขาดิน ได้รับการจัดตั้งเป็นวัดขึ้น และยังว่างเว้นตำแหน่งเจ้าอาวาส ชาวบ้านและคณะกรรมการวัดจึงสืบเสาะหาจนมาพบหลวงพ่อเล็ก ซึ่งเป็นพระที่น่าเลื่อมใส จึงได้นิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดเพื่อปกครองวัดเขาดินต่อไป
วัดสันติคิรีศรีบรมธาตุ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า "วัดเขาดิน" ตั้งอยู่บริเวณถนนแสงชูโต ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ ๑๑๘ – ๑๑๙ หมู่ ๔ ตำบลท่าล้อ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นที่ดินที่กองทัพบกยกให้ ณ หมู่บ้านเขาดิน ตรงข้ามศูนย์การฝึกของกรมการขนส่งทางบก วัดนี้เดิมเรียกกันว่า "วัดเขาดิน" ตามสภาพภูมิประเทศที่ตั้งของวัดเป็นภูเขาดินสูง ๑๑ วา
วัดสันติคิรีศรีบรมธาตุเป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๔ เริ่มแรกเป็นเพียงสำนักสงฆ์ เมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๔๙๘ อดีตสมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณศิริ) ขณะดำรงสมณศักดิ์ พระธรรมดิลก ได้รับวัดนี้อยู่ในความอุปถัมภ์และได้ขนานนามให้วัดใหม่มีชื่อปรากฎตามหลักฐานว่า "วัดสันติคิรี"
เมื่อหลวงพ่อเล็ก ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาดิน ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ จนวัดได้เจริญขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ท่านยังได้อบรมชาวบ้านเขาดินให้อยู่ในศีลในธรรม
จนในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ร.อ.ทวี ทิวแก้ว แห่งอาศรมชีประขาว และคณะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระสาวกธาตุจำนวนมากมาบรรจุ ณ พระปรางค์พระบรมธาตุเจดีย์ หลวงพ่อเล็ก จึงก็ได้เปลี่ยนนามวัดให้ใหม่อีกวาระหนึ่ง ตามลิขิตซึ่งมีคณะกรรมการบริหารวัดข้อความว่า "....เมื่อปรากฎว่าวัดสินติคิรีนี้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุด้วย ก็ควรให้ปรากฏเป็นเกียรติวัด ฉะนั้นในการตั้งชื่อวัดควรว่า วัดสันติคิรีศรีบรมธาตุ เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙"
ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ หลวงพ่อเล็กและคณะกรรมการวัดได้ร่วมกันขอพระราชทานวิสุงคามสีมาวัดเขาดิน จนมีพระบรมราชโอการลงวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๒
ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ทางวัดได้สร้างพระอุโบสถจนสำเร็จลุล่วง โดยทางวัดได้รวบรวมเงินบริจาคและเงินทำบุญและด้วยบารมีของหลวงพ่อเล็ก ทำให้งานลุล่วงไปได้โดยง่าย จนสามารถประกอบพิธีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิตร เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๔
นากจากนี้ท่านยังได้ส่งเสริมการศึกษาของพระภิกษุสามเณร ท่านมีวิริยะอุตสาหะทำนุบำรุงพัฒนาวัดและสร้างถาวรวัตถุให้กับวัดอย่างมาก ได้ชักชวนผู้มีจิตศรัทธาให้ความอุปการะก่อสร้างอาคารเสนาสนะต่างๆ อาทิเช่น
สร้างศาลาการเปรียญอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นอาคาร ๒ ชั้น ขนาดใหญ่เนื้อที่กว้าง ๒๒ เมตร ยาว ๕๐ เมตร แทนที่หลังเดิมที่มีสภาพชำรุด ทรุดโทรม ไม่สามารถใช้การได้
สร้างพระอุโบสถ วิหารพระร่วง โรงเรียนปริยัติธรรม วิหารพระศรีอาริย์ กุฏิสงฆ์ ปูชนียวัตถุที่สำคัญของวัด
สิ่งสำคัญภายในวัดนอกจากพระบรมสารีริกาธาตุ และสมเด็จพระร่วมฤทธิ์โรจน์ ยังมีรูปหลวงพ่อพระศรีอาริย์ รูปฤาษีบรมโกส รูปหมอชีวกโกมารภัจ รูปหลวงปู่ทวด รูปหลวงปู่พระครูดำ อีกทั้งพระพุทธบาท ๔ รอย จำลองมาจากพระพุทธบาทสี่รอย ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
นอกจากนี้ยังสร้างรูปหลวงปู่ทวด ขนาดใหญ่จำลองจากรูปหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี โดยมีคุณทวี ทิวแก้ว มีศรัทธาสร้างด้วยเงินบริจาคของคณะศิษย์ อาศรมชีประขาว จังหวัดฉะเชิงเทรา
แล้วยังมีเงินเหลือนำมาสร้างพระอุโบสถหลังปัจจุบันพร้อมด้วยบุษบกที่ประดิษฐานรูปหลวงปู่ทวดและพระปรางค์ที่เป็นพระองค์พระบรมธาตุเจดีย์ได้จดทะเบียนมีมูลนิธิ ชื่อว่า "มูลนิธิสมเด็จหลวงปู่ทวด วันสันติคิรีศรีบรมธาตุ" ตั้งขึ้น พ.ศ. ๒๕๑๕ จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านบาท) เป็นเงินที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคนานผูกพัทธสีมาปิดทองลูกนิมิตพระอุโบสถ
หลวงพ่อเล็ก ปกครองวัดเขาดินเรื่อยมาจนมรณภาพอย่างสงบในวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ นับรวมสิริอายุได้ ๘๒ ปี ๖๐ พรรษา.
ราคาปัจจุบัน
4,500
จำนวนผู้เข้าชม
116 ครั้ง
สถานะ
เปิดให้บูชา
โดย
พล ปากน้ำ
ชื่อร้าน
ยังไม่เปิดร้านค้า
URL
-
เบอร์โทรศัพท์
0843200110
ID LINE
kochalermpol
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน
กำลังโหลดข้อมูล
หน้าแรกลงพระฟรี